Tuesday, November 14, 2006
12 สัญญาณอันตรายในกระบวนการที่อาจนำไปสู่ความผิดพลาด
Red-Flag Condition ในภาคอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการผลิตหรือการบริการก็ตาม ต่างก็จะมีลักษณะเสี่ยงภัยซึ่งหากปล่อยทิ้งเอาไว้อาจสร้างความผิดพลาดที่ลุกลามไปสู่ความสูญเสียได้ในที่สุด
2. ความสมมาตร (Symmetry) : เมื่อด้านตรงข้ามของชิ้นส่วน, เครื่องมือ, วัตถุดิบหรืออุปกรณ์ช่วยในการทำงานมีลักษณะที่เหมือนกัน อาจทำให้เกิดความสับสนในการใช้งานขึ้นได้
3. ความไม่สมมาตร (Asymmetry) : เมื่อด้านตรงข้ามของชิ้นส่วน,เครื่องมือ, วัตถุดิบหรืออุปกรณ์มีความต่างกันทั้งในแง่ของขนาด, รูปทรง หรือ ตำแหน่ง ซึ่งความแตกต่างเพียงน้อยนิดนี้อาจสร้างความยากลำบากในการระบุว่าต้องการใช้ด้านใด นำไปสู่ความสับสนและกลายเป็นความผิดพลาดในที่สุด
4.การทำซ้ำอย่างรวดเร็ว (Rapid repetition) : เกิดขึ้นเมื่อมีการทำกิจกรรมเดิมๆ อย่างรวดเร็ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าการกระทำหรือกิจกรรมที่ทำซ้ำนั้นจะเกิดขึ้นจากเครื่องจักรหรือจากคนก็ตาม ต่างก็เพิ่มโอกาสในการเกิดความผิดพลาดขึ้นทั้งนั้น
5. การทำงานในปริมาณมาก (Extremely high volume) : อาจกล่าวได้ว่าเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการทำซ้ำอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การที่ต้องทำงานในปริมาณที่มากยังเป็นการกดดันพนักงาน ทำให้การทำงานตามมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นได้อย่างยากลำบาก นำไปสู่ความผิดพลาดได้ง่าย
6. สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ดี (Poor environmental conditions) : แสงไฟสลัว, การระบายอากาศที่ไม่ดี, ความสกปรกรกรุงรัง หรือความจอแจในพื้นที่ทำงานล้วนแล้วแต่นำไปสู่ความผิดพลาดได้ การปรากฏของวัตถุหรือสิ่งแปลกปลอม (เช่น ฝุ่นหรือคราบน้ำมัน), การจัดเก็บและการเคลื่อนย้ายที่มากเกินไปก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการที่ชิ้นงานหรือวัสดุจะเกิดความเสียหายขึ้นได้
7. การปรับแต่ง (Adjustments) : รวมไปถึงการปรับชิ้นส่วน, เครื่องมือ หรืออุปกรณ์จับยึดให้อยู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง
9. ขนาด, สเปค และจุดที่มีความสำคัญ (Dimensions, specifications, and critical conditions) : Dimension จะหมายถึงค่าที่ได้จากการวัดเพื่อแสดงหรือเพื่อหาตำแหน่งหรือขนาดของชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ซึ่งอาจรวมถึง ความสูง ความกว้าง ความยาว และความลึก ส่วนสเปคและจุดที่มีความสำคัญอาจรวมถึงอุณหภูมิ ความดัน ความเร็ว ความตึง จำนวน และปริมาตร ซึ่งการที่กระบวนการมีความผันแปรในขนาด สเปค และจุดที่มีความสำคัญนี้จะนำไปสู่ภาวะล้มเหลวของกระบวนการและผลิตภัณฑ์ได้
10. การมีชิ้นส่วนที่มากเกินไป หรือชิ้นส่วนปะปนกัน (Many or mixed parts) : ในบางกระบวนการเราอาจพบว่ามีชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่หลายชิ้น โดยแต่ละชิ้นอาจมีจำนวนที่ต่างกันและบางครั้งอาจปนกันอยู่ซึ่งจำเป็นต้องมีการ “เลือก” หรือ “แยก” ก่อนที่จะนำไปใช้ ความผิดพลาดจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากหากมีจำนวนชิ้นส่วนที่ต่างกันหลายแบบ และแต่ละแบบดูคล้าย ๆ กัน
11. ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่หลายหลาย (Multiple steps) : หลายๆ กระบวนการจะประกอบไปด้วยการปฏิบัติงานย่อยๆ หลายขั้นตอน ซึ่งความผิดพลาดและความสูญเสียจะขึ้นหากผู้ปฏิบัติงานหลงลืมการทำงานในบางขั้นตอน, ทำงานสลับขั้นตอน หรือ ทำงานในบางขั้นตอนซ้ำๆ
12.การผลิตที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง (Infrequent production) : ขั้นตอนการผลิตหรือการบริการที่ไม่ได้ทำเป็นประจำทำให้พนักงานหลงลืมขั้นตอนที่ถูกต้องและเหมาะสมตลอดจนอาจจะจำสเปคที่สำคัญบางอย่างไม่ได้ ความเสี่ยงต่อการผิดพลาดจะเพิ่มมากขึ้นหากงานที่ไม่ได้ทำประจำนั้นมีความซับซ้อนมาก
การค้นหาสภาพที่เรียกว่า Red-flag นั้นจำเป็นต้องกระทำโดยการลงไปสู่พื้นที่การปฏิบัติงานจริง การอาศัยเพียงสามัญสำนึกหรือความเชื่ออาจนำพาไปสู่ผลลัพธ์ที่แย่ยิ่งกว่า นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อกันในแต่ละกระบวนการด้วย
Reference:
Richard L. MacInnes, “The Lean Enterprise Memory Jogger”, 2002, GOAL/QPC
Monday, November 13, 2006
ข่าวลือ


German Volk are warned about the dangers of the "latrine rumour"
(Courtesy of Dr. Klaus Kirchner)
การใช้ข่าวลือในสงครามโลกครั้งที่สองเป็นไปอย่าง "จริงจัง" อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะทางฝั่งสหราชอาณาจักรถึงกับจัดตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า "UPC" หรือ Underground Propaganda Committtee เพื่อสร้างข่าวลือโจมตีเยอรมันเต็มที่ โดยข่าวลือที่หน่วย UPC สร้างขึ้นจะถูกเรียกว่า "ซิบส์" (Sibs) ซึ่งมาจากภาษาละตินคำว่า sibilare
------------------------------------------------------
จากปี 1940 ถึง 2006 (ปัจจุบัน) "ข่าวลือ" ยังคงความเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพเช่นเดิม
เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นในรูปแบบเดิมๆ คือมีการชุมนุมของเด็กและผู้หญิงเพื่อต่อต้าน (บางครั้งถึงขึ้นลงไม้ลงมือ) เจ้าหน้าที่รัฐ ล้วนมาจากยุทธการสร้างข่าวลืออย่างเป็นระบบ
คำถามคือ...เหตุใดผู้ชุมนุมเหล่านั้นจึง "เชื่อ" ในข่าวลือที่ได้รับ? (ไม่ได้เชื่อแต่เพียงอย่างเดียว..ยังมีการสนองตอบต่อข่าวลืออย่างมีประสิทธิผลอีกด้วย)
นัทสิมาเคยเชื่อว่า ระดับการศึกษาอาจมีผลต่อการรับรู้และการสนองตอบต่อข่าวลือ
แต่แล้วความเชื่อนั้นก็พังทลายลงจากการแพร่กระจายของข้อเขียนที่มีชื่อว่า "36 แผนที่ชีวิตพ่อ" (รายละเอียดโปรดศึกษาได้จาก blog ของคุณบุญชิต ฟักมี)
...ไม่ว่าจะเป็นใคร
...ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน
...ข่าวลือก็ยังคงมีอานุภาพเสมอ
--------------------------------------
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
1. ข่าวลือ อาจแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า rumor, gossip และ propaganda ซึ่งจริงๆ แล้วต่างกัน กล่าวคือ rumor นั้นอาจเป็นเรื่องเล็กๆ ได้จนถึงเรื่องใหญ่ๆ แต่ propaganda นั้นมักจะเป็นข่าวลือชนิดที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นเพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่ง ส่วน gossip นั้นถือเป็นช่องทางหนึ่งในการกระจายข่าวลือ
2. ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกา (บางรัฐ) ได้มีการจัดตั้งศูนย์ควบคุมข่าวลือ (Rumors Control Center) ขึ้นเพื่อประโยชน์ในการควบคุมการแพร่กระจายของข่าวลือที่มีผลกระทบต่อประชากรในรัฐนั้นๆ เช่น ข่าวลือเรื่องการก่อการร้าย, ภัยธรรมชาติ,โรคระบาด โดยศูนย์ควบคุมข่าวลือในปัจจุบันมีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ที่มุ่งไปยังการแพร่กระจายของข่าวลือทางช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ เช่น อินเตอร์เน็ต อีเมล์ หรือ Instant Message
-----------------------------------------------------
Reference :
2. http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=boonchit&date=24-10-2005&group=4&blog=1
3. http://www.psywar.org/sibs.php