Monday, December 01, 2008

 
สมัยเป็นนักศึกษาหัวรุนแรง ผมพบว่าชุดของคำว่า "ทัศนคติ / ความเชื่อ / ค่านิยม" เป็นวาทกรรมที่สามารถนำมาอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมได้ดีพอๆ กับกฎข้อที่ศุนย์ของเทอร์โมไดนามิกส์ยังไงยังงั้น

เรื่องการเมืองไทยตอนนี้ก็พอจะอธิบายได้ด้วยวาทกรรมที่กล่าวมาข้างต้น (ถ้าไม่กลัวนักวิชาการสายสังคมศาสตร์จะหาว่ากระแดะเอาความรู้โบราณระดับขึ้นหิ้งแล้วยังมีใยแมงมุมเกาะมาใช้)

ประเด็นคือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเกือบๆ 200 วันหลังจาก PAD ยึดทำเนียบรัฐบาลได้นั้นเป็นพัฒนาการของศรัทธาทางการเมืองที่เห็นได้ชัดชัดขนาดที่ว่าหากมีใครสักคนเรียนป.โทหรือป.เอกสายรัฐศาสตร์ ผมจะแนะนำให้เอาเรื่องนี้ไปทำวิทยานิพนธ์เลยทีเดียว

น่าสนใจมากนะครับ โดยเฉพาะศรัทธาทางการเมืองทีเกิดในฝั่งสีแดงนั้นผูกติดกับระบบอุปถัมภ์ของสังคมไทยในระดับรากหญ้าอย่างแยกไม่ออกอีกต่างหากกระบวนการพัฒนาจากทัศนคติมาเป็นความเชื่อ จากความเชื่อเป็นค่านิยม และสุดท้ายมาจบที่ศรัทธาทางการเมืองที่เข้มข้นถึงขนาดประกาศจะเข่นฆ่าอีกฝ่ายในตายตกไปตามกันนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

อาจารย์ท่านหนึ่งที่สอน Game theory ถึงกับบอกว่าเกมนี้มีจุดจบอยู่สองแบบ หนึ่งคือแกนนำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป หรือไม่ก็ตายมันทั้งสองฝั่งนั่นแหละ!

ผมก็ได้แต่สงสารคนที่ไปเป็น "มวลชน" ไม่ว่าจะเป็นเหลืองหรือแดงก็ตามผมเข้าใจว่าท่านเหล่านั้นส่วนหนึ่งไปด้วย "ใจ" จริงๆ

เป็น"ใจ" ที่น่าคารวะและเชิดชูโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็น "เกม" ของแกนนำทั้งสองฝ่าย

ในบรรดาแกนนำ...ไม่มีใครห่วงใยใครนอกจากตัวเอง
ในบรรดาแกนนำ...ไม่มีใครรักและหวังดีกับประเทศชาติเหมือนที่พูด

ทุกคนล้วนผลิต "ชุดความเชื่อ" ออกมาและขายมันให้กับผู้เข้าร่วมชุมนุม จากนั้นก็พัฒนาชุดความเชื่อนั้นให้กลายเป็น "ศรัทธา" แบบถูกบ้างผิดบ้าง

เราเลิกกันเถอะครับ

Comments: Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?