Sunday, October 28, 2007

 

สัญชาตญาณของผู้ประกอบการ (Entreprener's Instinct)

ผมมีเพื่อนหลายคนที่เมื่อทำงานไประยะหนึ่งแล้วก็ลาออกเพื่อไป "สานต่อกิจการของครอบครัว"
จะว่าไปแล้วคนรุ่นผม (30+) ก็น่าจะเป็นรุ่นที่พ่อ-แม่ได้ก่อร่างสร้างตัวมาระดับหนึ่งจากรุ่นปู่ย่าที่เป็นชนชั้นแรงงาน จนมารุ่นพ่อแม่พวกเราที่ผ่านระบบการศึกษาและกลายเป็นชนชั้นกลางในที่สุด

ถ้าปู่ย่าตายายเป็นพ่อค้าแม่ค้าธรรมดา พอมาถึงรุ่นพ่อแม่ก็น่าจะเป็นระดับคหบดี

เพื่อนสนิทๆ ที่กลับไปทำงานที่บ้านมักจะส่งเสียงโอดครวญมาตามสายโทรศัพท์เสมอเกี่ยวกับการ "ปะทะ" กับสิ่งที่เรียกว่า "สัญชาตญาณของผู้ประกอบการ" (Entreprener's instinct) ที่ท่านพ่อท่านแม่มีอยู่

เพื่อนบางคนถึงกับเอาปริญญาโทด้าน MBA จากสถานศึกษาเก่าแก่ระดับแนวหน้าของประเทศมาเป็นตัวประกันยามเมื่อต้องปะทะกับสัญชาตญาณดังกล่าว

...ประมาณว่า "ถ้าป๊าไม่เชื่อผม ป๊าก็น่าจะเชื่อปริญญาของผมบ้าง"
-----------------------------------------------------------------------------
วารสาร Entrepreneur Magazine ซึ่งเป็นวารสารสำหรับผู้ประกอบการได้ตีพิมพ์บทความที่เกี่ยวกับ "สัญชาตญาณ" ไว้ สรุปใจความได้ว่า การใช้สัญชาตญาณนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์กระทำกันมาตั้งแต่ในสมัยที่ยังอยู่ตามป่าเขาโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการรอดชีวิต อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันก็ยังมีนักธุรกิจหลายคนที่ตัดสินใจโดยอาศัยสัญชาตญาณในตัวเอง

Barry Farber ผู้เขียนบทความดังกล่าวอ้างว่า เขาเคยตกใจแทบสิ้นสติสมประดีเมื่อได้พูดคุยหลังอาหารเช้ากับนักธุรกิจระดับพันล้านผู้หนึ่งซึ่งสารภาพว่าการตัดสินใจทุกอย่างของเขามาจาก "สัญชาตญาณ" ล้วนๆ !

"ในธุรกิจของผมซึ่งก็เหมือนกับธุรกิจอื่นทั่วไป ทุกๆ อย่างขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์และความไว้เนื้อเชื่อใจ เมื่อผมพบใครครั้งแรก ผมจะถามสัญชาตญาณของผมเสมอว่าคนๆ นี้ไว้ใจได้แค่ไหน? ผมจะร่วมธุรกิจกับเขาได้หรือไม่? ซึ่งทั้งหมดจะถูกประเมินจากทัศนคติ มุมมอง และความคิดของคนๆ นั้น"

สรุปว่า "สัญชาตญาณของผู้ประกอบการ" นั้นมีจริง ?
------------------------------------------------------------------------------
หากยึดเอาตามความหมายของพจนานุกรมหลายๆ ฉบับ (ทั้งไทยและเทศ) เราจะพบว่าลักษณะเด่นของ "สัญชาตญาณ" คือการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เป็นไปโดยธรรมชาติมากกว่าจะมีเหตุผลมารองรับ และไม่ต้องมีใครมาสั่งสอน

งั้นนัทสิมาสรุปแบบฟันธงเลยละกันว่าสัญชาตญาณของผู้ประกอบการน่ะ..ไม่มีหรอก

อาเตี่ย อาม้า อาจจะบอกว่าอั๊วรู้ได้โดยไม่ต้องไปเรียน MBA ไม่ได้เข้าโรงเรียน ไม่มีเห็นมีใครมาสั่งสอน

อย่าลืมนะครับว่า "การศึกษา" กับ "การเรียนรู้" นั้นต่างกัน

ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าเถ้าแก่รุ่นพ่อรุ่นแม่เราผ่าน "การเรียนรู้" แม้จะไม่ได้ผ่านระบบการศึกษา

การสั่งของมาเกิน เก็บสต๊อกเยอะเกินไป โดนลูกหนี้โกง ฯลฯ

เรื่องพวกนี้ถูกบันทึกลงใน Learning Machine ของท่านไปเรียบร้อยแล้ว และจะกลายเป็น "เงื่อนไข" สำหรับการตัดสินใจในครั้งต่อๆไป

ดังนั้นหาก "เถ้าแก่" ท่านทักท้วงอะไรขึ้นมา จงโปรดเข้าใจว่านั่นไม่ได้เป็นสัญชาตญาณของผู้ประกอบการหรอกนะครับ

หากแต่เป็น "องค์ความรู้" ที่สั่งสมมาจากประสบการณ์

หรือถ้าหากจะเป็นสัญชาตญาณ..

ก็คงเป็นสัญชาตญาณของความเป็นพ่อเป็นแม่ ที่ไม่อยากให้ลูกเจ็บปวดหรือผิดหวังจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด

เหมือนที่ตัวเองเคยผ่านมาแล้วในอดีตนั่นเอง

Comments: Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?