Monday, January 15, 2007

 

Blog-Tag :ทีของ natsima

และแล้วก็ถึงคราวนัทสิมาโดน tag ซะงั้น (thanks epsie!)
โดยมากเพื่อนพ้อง blogger ที่นัทสิมาเยี่ยมเยือนเป็นประจำมักจะใช้นิยามของคุณ bac't

แต่สำหรับนัทสิมาแล้วไซร้..
จะใช้เหมือนชาวบ้านก็ใช่ที่ ว่าแล้วจึงขอยืมนิยามของ blog tag มาจากคุณ iannnnn blogger แปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักผ่าน google ด้วยการ search คำว่า blog tag แต่คาดว่าจะ "หนิดหนม" กันไปได้อีกระยะ

ก็ลองดูนิยาม blog tag ของท่านสิ

"...blog tag เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมสดใหม่หอมกรุ่นจากเตา ที่ระบาดข้ามประเทศอินเทอร์เน็ตมาถึงไทยโดยอยู่ดีๆ ก็มีคนมาเล่าเรื่องของตัวเอง ๕ ประการ แล้วแตะมือส่งต่อกันไปเรื่อยๆ อีก ๕ รายอันนี้ไม่รู้ล่ะว่าคุณจะเขียนบล็อกเรื่องอะไรมาก่อน แต่ถ้าโดน tag ปั๊บก็ต้องมาเล่าเรื่องตัวเองซะงั้น ดีเหมือนกัน บางคนทำตัวลึกลับนักหนาจะได้แง้มความงุงิของตัวเองออกมาบ้าง..."

ว่าแล้วก็ขอบคุณ blog-tag ที่ทำให้เรารู้จัก blogger ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น (คุณ paepae สรุปเรื่องปรากฏการณ์ blog tag เมืองไทยไว้ในประเด็นนี้ได้อย่างกระชับ สนใจโปรดคลิก)

อย่ากระนั้นเลย...มา "แง้มความงุงิ" ของนัทสิมา 5 ประการกันเหอะ!
---------------------------------------------
1. ชื่อ "นัทสิมา" ไม่ใช่ชื่อจริง อีกทั้งยังไม่ใช่ชื่อเล่นจริงๆ อีกต่างหาก ชื่อนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยทำกิจกรรมชมรมปีหนึ่ง คราวนั้นรุ่นพี่ชมรมท่านนึงนึกอะไรขึ้นมาได้ไม่ทราบเลยเรียกชื่อน้องๆสลับชายเป็นหญิงและหญิงเป็นชายให้วุ่นวายไปเป็นที่ขบขัน อาทิเช่น นายเรวัตรกลายเป็น "เรวดี" หรือ นางสาวสุภาพรก็กลายเป็น "สุภาพ" แม้แต่นายอมรินทร์ก็ถูกเรียกเป็น "น้องอมรา"

2. นัทสิมาเคยทำหนังสือแบบที่สมัยนี้เค้าเรียกว่า "หนังสือทำมือ" มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2530 สมัยที่ยังเป็นเด็กประถมผมเกรียน เนื้อหาประกอบด้วยข่าวล้อเลียนสไตล์ "ผู้จัดกวน" ในสมัยปัจจุบัน และคอลัมน์ประจำอีกสองถึงสามคอลัมน์ จำได้ว่านัทสิมาเขียนเรื่องเกี่ยวกับอะตอมส่วนเพื่อนผู้ร่วมก่อการเขียนเรื่องดาวอังคารและเทพนิยายกรีก-เอเธนส์

เอ่อ..สาบานได้ว่านั่นคือ"หนังสือทำมือ" ของเด็กประถมจริงๆ!

3. จากข้อสองอาจดูเหมือนนัทสิมาเป็น nerd อัจฉริยะ แต่..ขอโทษ นัทสิมาไม่เคยสอบได้ที่ 1 แม้แต่ครั้งเดียว!
สอบเอ็นทรานซ์ก็ไม่ติดอันดับหนึ่งที่เลือกไว้
ประกวดร้องเพลงสมัยมัธยมปลายก็ได้แค่รางวัลชมเชย
แต่งกาพย์ยานี 11 ประกวดตอนเรียนปี 4 ก็ได้ที่สาม
ประกวด business plan ตอนปริญญาโทก็ได้แค่ best presentation
แข่งขันจัดการ portfolio ในตลาดตราสารหนี้ก็ได้แค่ที่ 14
สอบชิงทุนอะไรก็ไม่เคยได้สักที
ขอทุนอะไรเค้าก็ไม่ให้

พูดแล้วน่าน้อยใจในชะตาชีวิต

4. The Alchemist ที่ประพันธ์โดย Paolo Coelho เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของนัทสิมาอย่างมากมาย เริ่มตั้งแต่การตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมากว่า 5 ปีไป "ทำงานตามอุดมการณ์" อยู่ 10 เดือนก่อนจะอุปสมบทและสึกออกมาทำอาชีพปัจจุบันได้ระยะหนึ่ง ซึ่งก็ใกล้ถึงเวลาออกเดินทางตามหาความฝันอีกครั้งในเร็ววันนี้

5. นัทสิมา "พยายาม" ทำตัวเป็น "คนดีในอุดมคติ" อยู่อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่จำความได้ นัทสิมาเลิก "ฆ่าสัตว์โดยมีเจตนา" อาทิเช่น ตบยุง หรือบี้มด มาตั้งแต่สมัยประถม (ใช้วิธีพัด,ปัด หรือเป่าออกห่างตัวเสมอ) สมัยเรียน Intensive English ที่ AUA อาจารย์ขนานนามให้ว่า "Good Boy" ด้วยความที่ไม่เคยขาดเรียนและทำงานตาม assignment อย่างเคร่งครัด (และเคร่งเครียด) ยิ่งกว่าทำ Thesis เสียอีก อย่างไรก็ตามตอนเรียนประถมนัทสิมาไม่เคยทำการบ้านส่งครูแม้แต่ครั้งเดียว จนเมื่อสอบเข้าเรียนต่อมัธยมได้ คุณครูจึงเรียกไปแจ้งให้ทราบว่าตลอดเวลาครูรู้ว่านัทสิมาไม่เคยส่งการบ้านเลย แต่ครูก็ไม่ว่าเพราะนัทสิมาสามารถเอาตัวรอดในวิชาเรียนได้ แต่ครูขอบอกว่าต่อไปเรียนมัธยมแล้วจะทำเยี่ยงนี้อีกไม่ได้

ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้นัทสิมากลับใจมาเป็นคนขยันขันแข็งขึ้นได้!
เพราะตั้งแต่เล็กจนโตสอบเข้ามหาวิทยาลัย นัทสิมาใช้วิธี "ทำเท่าที่ต้องทำ" เสมอ
กล่าวคือถ้าสอบเก็บคะแนน 40 คะแนน นัทสิมาจะทำเต็มที่เพียง 20 คะแนน ที่เหลือจะทำแบบ "เล่น ๆ" ซึ่งถ้าทำเล่นๆ แล้วเกิดถูกขึ้นมาก็จะได้เกรดดีหน่อย

จุดเปลี่ยนอยู่ที่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เนื่องจากเค้าตัดเกรดกันที่ "Mean" ไม่ได้ตัดตามเกณฑ์คะแนน
ดังนั้นคะแนนเก็บ 40 นัทสิมาทำพอผ่านได้ 25 คะแนน เมื่อเทียบกับเพื่อนฝูงซึ่งได้ 30 ขึ้นไปจึงทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า "ตก mean"

...และนำไปสู่ "F" ทั้งห้าตัวใน transcript อันน่าอดสูยิ่งนัก

---------------------------------------
เนื่องจากธรรมดาไม่ได้รู้จัก blogger รายใดเป็นพิเศษนอกจากป้าepsie ที่ tag มา กับอีกสองสามท่านซึ่งน่าจะโดน tag ไปเรียบร้อยแล้ว

เอาเป็นว่าขอ tag ต่อไปให้กับ คุณ lekparinya, คุณฉุยโอซาก้า, คุณ Konba, คุณ A-mi-Jeab และคุณ Surasee

ปล. สองท่านหลังอาจต้องเปลี่ยนเนื่องจาก blog ทั่นมีไว้แปะรูปอย่างเดียว

Comments:
ไม่เคยอ่าน The Alchemist ถ้าอ่านแล้ว epsie จะเป็นไงหนอ
 
ไม่รู้จัก tag หน่ะครับ
"วัฒนธรรมหอมกรุ่นจากเตา" อันนี้
สงสัยเย็นชืดขึ้นรา กว่าผมจะเล่นเป็น
 
ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความดี ๆ
 
Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?